วันศุกร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ศธ.ทุ่มพันล้านเดินหน้าโรงเรียนดีระดับสากล

กวดวิชา ติวออนไลน์ ตะลุยข้อสอบ โดย เว็บการศึกษาดอทคอม kanzuksa.com




ศธ.เตรียมทุ่มงบพันล้านบาท เดินหน้าโรงเรียนดีระดับสากล หวังพร้อมตั้งเป้าขยายให้คลอบคลุม 500 แห่งทั่วประเทศ ...

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า จากการประชุมโครงการโรงเรียนดี 3 ระดับ ซึ่งประกอบด้วยโรงเรียนดีระดับสากล 500 โรง ระดับอำเภอ 2,500 โรง และระดับตำบล 7,000 โรง มีหลักการว่าโรงเรียนที่จะพัฒนาสู่การเป็นโรงเรียนดีระดับตำบลนั้นต้องมีเกณฑ์ตามที่กำหนด อาทิ

  • อาคารสถานที่ต้องมีความพร้อม
  • มีห้องสมุด 3 ดี
  • มีคอมพิวเตอร์ในสัดส่วน 1/10 คน จากที่ปัจจุบันมีอยู่ 1/40 คน ซึ่งจะทำให้นักเรียนมีคอมพิวเตอร์ใช้เพิ่มมากขึ้น
  • ขณะเดียวกันต้องมีอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 2 เมกกะบิต นอกจากนี้
  • ครูต้องจบวิชาเอก หรือได้รับการพัฒนาศักยภาพตรงกับวิชาที่สอนอย่างน้อย 5 กลุ่มสาระหลัก
ส่วนโรงเรียนดีระดับอำเภอ จะใช้หลักเกณฑ์เดียวกับโรงเรียนดีระดับตำบล โดยจะมีลักษณเดียวกับโรงเรียนในฝัน และโรงเรียนดีใกล้บ้าน ครูต้องจบตรงตามวิชาที่สอนครบทั้ง 8 กลุ่มสาระวิชา

รมว.ศึกษาธิการกล่าวอีกว่า สำหรับโรงเรียนดีระดับสากล ต้องมีการจัดการเรียนการสอนในวิชาคณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์เป็นภาษาอังกฤษ โดยเปิดสอนตามความพร้อมเปิดสอนก่อน จากนั้นต้องขยายให้ครบทั้ง 500 โรงเรียน ทั้งนี้เพื่อมุ่งเน้นที่จะเดินไปสู่คุณภาพระดับสากล ซึ่งถือเป็นการยกระดับคุณภาพการศึกษาครั้งใหญ่ โดยมอบให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ไปจัดทำเกณฑ์คัดเลือกผู้บริหารที่จะเข้ามาเป็นผู้บริหารโรงเรียนดีระดับสากล รวมทั้งนักเรียนว่าต้องมีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง และจะเริ่มดำเนินการทันทีในปีการศึกษา 2553 โดยใช้งบ ประมาณจากโครงการ SP2 พัฒนาโรงเรียนดีระดับสากล 1,500 ล้านบาท โรงเรียนดีระดับอำเภอ 1,000 ล้านบาท และโรงเรียนดีระดับตำบล 4,000 ล้านบาท ซึ่งสาเหตุที่ต้องใช้งบฯเป็นจำนวนมาก เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานก่อนเป็นลำดับแรก.

ที่มา: ไทยรัฐออนไลน์

วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

การเขียนจดหมายภาษาอังกฤษ









กวดวิชา ติวออนไลน์ ตะลุยข้อสอบ โดย เว็บการศึกษาดอทคอม kanzuksa.com





การเขียนจดหมายภาษาอังกฤษ อาจแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท

คือจดหมายติดต่อระหว่างบุคคล หรือจดหมายส่วนตัว อาจเป็นจดหมายถามทุกข์สุข แสดงความยินดี แสดงความเสียใจ จดหมาย เชิญ จดหมายอีกประเภทหนึ่งเป็นจดหมายธุรกิจ ซึ่งใช้ติดต่อระหว่างบุคคลกับสำนักงานธุรกิจ หรือระหว่างสำนักงานธุรกิจด้วยกัน สำหรับในเอกสารนี้จะให้รายละเอียดเฉพาะจดหมายส่วนตัวเท่านั้น ซึ่งเป็นจดหมายที่นักเรียนคุ้นเคย และอาจนำไปใช้ประโยชน์ได้มากกว่า


มาเริ่มกันที่ส่วนประกอบของ การเขียนจดหมายในภาษาอังกฤษ

  • 1. Heading (หัวจดหมายภาษาอังกฤษ) หัวจดหมายคือที่อยู่ของผู้เขียนจดหมาย และวันที่ที่เขียนจดหมาย ซึ่งนิยมเขียนไว้บนมุมด้านขวาหรือซ้ายของจดหมายก็ได้

  • 2. Inside Address (ชื่อที่อยู่ของผู้รับจดหมายภาษาอังกฤษ) ชื่อที่อยู่ของผู้รับจดหมายภาษาอังกฤษ ซึ่งเขียนหรือพิมพ์ไว้ทางด้านซ้ายบน ถัดจากหัวจดหมายลงมาจะปรากฏเฉพาะในจดหมายธุรกิจเท่านั้น สำหรับรูปแบบการเขียนเหมือนกับหัวจดหมาย

  • 3. Solution (คำขึ้นต้นจดหมายภาษาอังกฤษ) คำขึ้นต้นจดหมายในภาษาอังกฤษ เปรียบเสมือนคำทักทายเพื่อเริ่มต้นจดหมาย ต้องเขียนหรือพิมพ์ไว้ริมซ้ายของกระดาษด้านบนต่อจากหัวจดหมาย สำหรับจดหมายติดต่อระหว่างบุคคล และต่อจากชื่อที่อยู่ของผู้รับจดหมาย สำหรับจดหมายธุรกิจ คำขึ้นต้นจดหมายอาจเขียนได้หลายแบบ ขึ้นอยู่กับบุคคลที่เราเขียนถึงว่ามีความสัมพันธ์กับผู้เขียนอย่างไร



รวมคำลงท้ายจดหมายภาษาอังกฤษ


วันนี้ขอรวมคำลงท้ายจดหมายในภาษาอังกฤษมาให้อ่านกัน เผื่อใครจะต้องเขียนจดหมาย หรืออีเมลภาษาอังกฤษจะได้เขียนคำลงท้ายกันถูก ไว้จะหาคำขึ้นต้นจดหมายมาฝากกันอีก อย่าลืมจดกันเอาไว้นะครับ

รวมคำลงท้ายจดหมายภาษาอังกฤษ

คำลงท้ายที่แสดงความเคารพคือ Yours Respectfully

คำลงท้ายจดหมายแบบเป็นทางการ (ใช้สำหรับการติดต่อทางธุรกิจหรือส่งให้ผู้หลักผู้ใหญ่)

1. Yours Sincerely ความหมายน่าจะประมาณว่า ด้วยความจริงใจ

2. Yours Faithfully ความหมายน่าจะประมาณว่า ด้วยความศรัทธา

3. Regards ด้วยความเคารพ

4. Best regards ด้วยความเคารพอย่างสูง

5. Sincerely ด้วยความจริงใจอีกเหมือนกัน

ตัวอย่างสำหรับการลงท้ายจดหมายแบบไม่ค่อยเป็นทางการ (ใส่สำหรับการส่งให้เพื่อนสนิท)

1. With love ด้วยรัก

2. Lots of love รักมากนะ

3. Lots of kisses จุ๊ฟๆ

4. Take care เป็นห่วงนะ

5. Keep in touch แล้วเจอกันนะ

6. Keep contact ติดต่อมานะ

7. love รักนะ

8. See ya ไว้เจอกัน โย่ว

9. Write back soon เขียนกลับมาด้วย

10. [...]



ขอขอบคุณข้อมูล : mescript.com / ภาพประกอบจาก Mystic Arts, LLC.

คำค้นหา : การเขียนจดหมายภาษาอังกฤษ, การเขียนจดหมายในภาษาอังกฤษ, คำขึ้นต้นจดหมายภาษาอังกฤษ, คำลงท้ายจดหมาย, จดหมายภาษาอังกฤษ,Always, Best regards, Keep contact, Keep in touch, Lots of kisse, Lots of love, love, Regards, See ya, Sincerely, Take care, Thank you, With love, Write back soon, Your friend, Yours Faithfully, Yours Sincerely

วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

เด็กไทยสร้างชื่อ 19รางวัล คณิตวิทย์โอลิมปิก








กวดวิชา ติวออนไลน์ ตะลุยข้อสอบ โดย เว็บการศึกษาดอทคอม kanzuksa.com

 เด็กไทยสร้างชื่อ 19รางวัล คณิตวิทย์โอลิมปิก




เด็กประถมไทยสร้างชื่อทำคะแนนรวมสูงสุดสุด และคว้า 4 เหรียญทอง รวม 19 รางวัล จากการแข่งขันคณิต-วิทย์โอลิมปิก ระดับประถมศึกษา ที่อินโดฯ รักษาการเลขาฯ กพฐ.ชูเด็กไทยเก่งขึ้น..




เมื่อวันที่ 13พ.ย. นายสมเกียรติ ชอบผล รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) รักษาการเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากสาธารณรัฐอินโดนีเซียว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้คัดเลือก และส่งนักเรียนระดับประถมศึกษาของไทยเข้าร่วมการแข่งขันคณิตศาสตร์และ วิทยาศาสตร์ โอลิมปิก ระหว่างประเทศ ระดับประถมศึกษา International Mathematics and Science Olympiad (IMSO) ระหว่างวันที่ 7-16 พ.ย. ณ สาธารณรัฐอินโดนีเซีย จำนวน 2 ทีมรวม 18 คน ผลปรากฏว่านักเรียนทั้งหมดสามารถกวาดรางวัลจากการแข่งขันได้ถึง 18 เหรียญ 1 ถ้วยรางวัล 19 รางวัล ดังนี้



ผลการแข่งขันคณิตศาสตร์ เหรียญทอง 1 รางวัล และถ้วยรางวัลคะแนนรวมสูงสุดคณิตศาสตร์ภาคทฤษฎี ได้แก่ ด.ญ.สุเจษฎา อุดมศรีรุ่งเรือง โรงเรียนราชวินิต กรุงเทพฯ เหรียญเงิน 5 รางวัล ได้แก่ ด.ช.กฤษฏ์ บุญศิริเศรษฐ โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์ฯ ฝ่ายประถม กรุงเทพฯ ด.ช.ณัฐวุฒิ บุญสิริพัฒนาเจริญ โรงเรียนอัสสัมชัญ แผนประถม กรุงเทพฯ และ ด.ช.สิรดนัย ริมสาคร โรงเรียนลาซาล กรุงเทพฯ ด.ช.อธิคม วาณิชย์กุล โรงเรียนเด็กสากล นิมิตใหม่ กรุงเทพฯ และ ด.ช.พิชญเมธ โชคถาวร โรงเรียนอุดมวิทยา จ.ราชบุรี



เหรียญทองแดง 3 รางวัล ได้แก่ ด.ญ.สุรัสดา กิระวิทยา โรงเรียนราชวินิต กรุงเทพฯ ด.ญ.ธนาวรรณ กุลนา โรงเรียนอนุบาลนครราชสีมา จ.นครราชสีมา และ ด.ช.นนทกฤษ์ ไชยวงศ์ โรงเรียนอัสสัมชัญ จ.ระยอง



ผลการแข่งขันวิทยาศาสตร์ เหรียญทอง 3 รางวัลได้แก่ ด.ช.จิรสิทธิ์ เจียรพรรณี โรงเรียนเซนต์คาเบรียล กรุงเทพฯ ด.ช.ชลณัฎฐ์ พืชน์ไพบูลย์ โรงเรียนแสงทองวิทยา จ.สงขลา และ ด.ช.สรวิชญ์ วัฒนเพ็ญไพบูลย์ โรงเรียนอนุบาลชลบุรี จ.ชลบุรี เหรียญเงิน 4 รางวัล ได้แก่ ด.ญ.คัทลียา พรมดอนกอย โรงเรียนสารสาสน์วิเทศรังสิต จ.ปทุมธานี ด.ช.กรวิชญ์ ตรีรัตนกุลวงศ์ โรงเรียนสฤษดิเดช จ.จันทบุรี ด.ญ.ณัฐณิชา สนั่นพานิชกุล โรงเรียนอนุบาลจันทบุรี จ.จันทบุรี และ ด.ญ.ธัญวรัตน์ จิวเรืองวิญญู โรงเรียนยอแซฟอุปถัมภ์ จ.นครปฐม และเหรียญทองแดง 2 รางวัล ได้แก่ ด.ญ.พัทธ์พิชญา พิชญวณิชย์ โรงเรียนอนุบาลจันทบุรี จ.จันทบุรี และ ด.ช.ปัณฑ์ธร อิ่มเอมกมล โรงเรียนอนุบาลนครราชสีมา จ.นครราชสีมา



นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า สพฐ.ขอแสดงความยินดีกับนักเรียนไทยทั้ง 18 คน ที่ได้รับรางวัลและนำชื่อเสียงมาสู่ประเทศชาติ จะเห็นได้ว่าเด็กไทยมีความสามารถทางวิชาการเพิ่มมากขึ้นทุกปี ทั้งในเวทีระดับประเทศและระดับนานาชาติได้รับรางวัลกลับมาทุกเวทีการแข่งขัน แสดงถึงการพัฒนาศักยภาพของนักเรียนรวมทั้งการจัดการเรียนการสอนของไทยมีประสิทธิภาพขึ้น สพฐ. ยังมีเวทีระดับโลกที่เปิดโอกาสให้นักเรียนไทยได้แสดงความสามารถซึ่งได้คัด เลือกตัวแทนทีมนักเรียนไทยไปร่วมแข่งขันความสามารถทางวิชาการอีกหนึ่งเวที คือ การแข่งขันคณิตศาสตร์ ระหว่างประเทศ ระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาตอนต้น Elementary Mathematics International Competition (EMIC) ณ สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ปลายเดือน พ.ย.นี้

 


 ภาพข่าว / แหล่งข่าว : ไทยรัฐออนไลน์

 

วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

โครงการประกวดสื่อดิจิทัลเพื่อการเรียนรู้ ครั้งที่ 2

กวดวิชา ติวออนไลน์ ตะลุยข้อสอบ โดย เว็บการศึกษาดอทคอม kanzuksa.com



โครงการประกวดสื่อดิจิทัลเพื่อการเรียนรู้ ครั้งที่ 2


โลกออนไลน์เช่นอินเทอร์เน็ตเป็นพื้นที่ที่เด็กและเยาวชนกำลังมีส่วนร่วมมากขึ้นเรื่อยๆ ในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะการเข้าถึงสื่อต่างๆ บนอินเทอร์เน็ต ซึ่งในปัจจุบันมุ่งเน้นไปที่สื่อบันเทิง สื่อเรื่องเพศ และอบายมุข ทำให้เกิดพฤติกรรมที่ไม่สร้างสรรค์ ฉาบฉวย และสุ่มเสี่ยง เพื่อลดพฤติกรรมและความเสี่ยงดังกล่าว จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการระดมสร้างและนำเสนอสื่อสร้างสรรค์บนอินเทอร์เน็ต เพื่อเป็นทางเลือกที่ชัดเจนแก่เยาวชนในการเข้าถึงและใช้งานให้เกิดประโยชน์




อย่างไรก็ตาม ธรรมชาติของกลไกตลาดทำให้การสร้างสื่อสร้างสรรค์เป็นไปได้ยาก เพราะตลาดโดยรวมมีความต้องการสื่อสร้างสรรค์น้อยเมื่อเทียบกับความต้องการสื่อเพื่อความบันเทิง จึงต้องมีวิธีในการส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการสร้างและนำเสนอสื่อดีๆ ที่เหมาะสมกับความเป็นจริง



นอกจากนั้น การระดมสร้างและเผยแพร่เนื้อหาดีๆ จะต้องเกิดขึ้นด้วยความร่วมมือขององค์กรภาคีที่ร่วมงานด้านเนื้อหาสร้างสรรค์บนโลกออนไลน์ โดยจะต้องมีการรวมกลุ่มกันเป็นเครือข่ายการทำงานที่ชัดเจน เข้มแข็ง และมีประสิทธิภาพ อีกทั้งต้องมีการพัฒนาระบบสนับสนุนการสร้างเนื้อหาด้านบวกให้แก่ภาคีและเยาวชนผ่านกลไกต่างๆ เช่น กองทุนสื่อสร้างสรรค์ เป็นต้น



เพื่อตอบปัญหาดังกล่าว แผนงาน ICT เพื่อสุขภาวะออนไลน์และการสนับสนุนภาคีเครือข่ายสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับภาคีด้านการศึกษา การเรียนรู้ จึงได้ร่วมกันริเริ่มโครงการประกวดสื่อการเรียนรู้ดิจิทัลสร้างสรรค์ โดยมีเป้าหมายที่จะฝึกอบรมวิธีการสร้างสื่อที่ดี สร้าง รวบรวม และนำเสนอสื่อสร้างสรรค์ เช่น บทเรียนช่วยสอน เว็บเพจสื่อการสอน บทความ บันทึก (บล็อก) สารคดีสั้น ในระบบอินเทอร์เน็ต ผ่านเว็บไซต์ของภาคีสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ที่เกี่ยวข้องกับสื่อสร้างสรรค์ เช่น www.thaigoodview.com โดยใช้กลไกการประกวดเป็นเครื่องมือสร้างแรงจูงใจให้เกิดการสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพ



วัตถุประสงค์


  • เพื่อสร้าง รวบรวม และเผยแพร่สื่อสร้างสรรค์บนอินเทอร์เน็ตให้ได้ทั้งปริมาณและคุณภาพ มากจนเยาวชนสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้

  • เพื่อพัฒนาศักยภาพของครูผู้สอนให้สามารถสร้างสื่อด้วยเครื่องมือและเทคนิคที่เหมาะสม

  • เพื่อกระตุ้น ส่งเสริมให้เยาวชนที่มีศักยภาพในการสร้างผลงานสร้างสรรค์สามารถพัฒนางานและนำเสนองานต่อสาธารณะชนผ่านระบบอินเทอร์เน็ตได้ โดยผ่านระบบการสร้างแรงจูงใจและการเชื่อมโยงเครือข่ายสังคม

  • เพื่อสนับสนุนการรวมกลุ่มของภาคีร่วมงานด้านข้อมูล ความรู้ และการศึกษา เพื่อการทำงานร่วมกันเป็นเครือข่ายที่ชัดเจนและเข้มแข็ง

  • เพื่อพัฒนาระบบสนับสนุนการผลิตและเผยแพร่สื่อสร้างสรรค์ในระยะยาว เช่น กองทุนสื่อสร้างสรรค์

ขั้นตอนในการดำเนินงาน


  • ระยะเวลาของโครงการ 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2552 - 31 มกราคม 2553

  • ประชุมทีมงานเพื่อสรุปรูปแบบการประกวดสื่อดิจิทัล ภายในวันที่ 10 สิงหาคม 2552

  • เชิญคณะกรรมการตัดสินประจำโครงการประชุม เพื่อกำหนดเกณฑ์การตัดสิน ภายในวันที่ 30 สิงหาคม 2552

  • จัดทำโปสเตอร์ และวางแผนการประชาสัมพันธ์ เสร็จสิ้นภายใน 15 กันยายน 2552

  • ประชาสัมพันธ์ในสถานศึกษาทั่วประเทศ ภายในวันที่ 30 กันยายน 2552

  • ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อออนไลน์ ในเดือนสิงหาคม - พฤศจิกายน 2552

  • รับสมัครผู้เข้าแข่งขันการประกวดสื่อทั้งประเภทเว็บเพจและสื่อออนไลน์ ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน - วันที่ 30 พฤศจิกายน 2552

  • ส่งใบสมัครและผลงานตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม - 30 พฤศจิกายน 2552

  • คณะกรรมการตรวจสอบ และตัดสินผลงาน เสร็จสิ้นภายในวันที่ 10 ธันวาคม 2552

  • ประกาศผลการตัดสิน ภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2552

  • จัดงานมอบรางวัลประมาณต้นเดือนมกราคม 2553 จะแจ้งกำหนดที่แน่นอนให้ทราบอีกครั้ง

  • บันทึกลงแผ่นซีดีรอม เพื่อมอบให้โรงเรียนห่างไกลและขาดแคลนสื่อการเรียนรู้

  • ส่งมอบรางวัลพร้อมเกียรติบัตรเชิดชูเกียรติ ภายในวันที่ 31 มกราคม 2553

  • ประเมินผลโครงการให้แล้วเสร็จ สรุปผลงาน ภายในวันที่ 31 มกราคม 2553
มีข้อสงสัยติดต่อ ครูพูนศักดิ์ สักกทัตติยกุล โทร 081-869-3782 หรือ webmaster@thaigoodview.com

ข้อมูลจาก : นิตยสารการศึกษาอัพเกรด ฉบับ 134

ข้อมูลเพิ่มเติม รายละเอียดอื่นๆ

วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

เทศกาลวันลอยกระทง ที่มาและความเชื่อ

กวดวิชา ติวออนไลน์ ตะลุยข้อสอบ โดย เว็บการศึกษาดอทคอม kanzuksa.com







วันลอยกระทง เป็นวันสำคัญวันหนึ่งของชาวไทยส่วนใหญ่ ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือนหรือเดือนยี่ (เดือนที่ 2) ตามปฏิทินจันทรคติล้านนา "มักจะ" ตกอยู่ในราวเดือนพฤศจิกายน ตามปฏิทินสุริยคติ



เทศกาลลอยกระทง ถือว่าเป็นประเพณีเก่าแก่ของไทยที่มีตั้งแต่ครั้งสมัยสุโขทัย เรียกกันว่า งานลอยพระประทีป หรือลอยโคม เป็นงานนักขัตฤกษ์รื่นเริงของประชาชนทั่วไป ต่อมานางนพมาศ หรือ ท้าวศรีจุฬาลักษณ์ สนมเอกของพระร่วง ได้คิดประดิษฐ์ดัดแปลง เป็นรูปกระทงดอกบัวแทนการลอยโคม เชื่อกันว่าการลอยกระทง หรือลอยโคมในสมัยนางนพมาศนั้น กระทำเพื่อเป็นการสักการะ รอยพระพุทธบาทที่แม่น้ำนัมมหานที ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหนึ่งอยู่ใน แคว้นทักขิณาของประเทศอินเดีย ซึ่งปัจจุบัน เรียกว่าแม่น้ำเนรพุททา



ประเพณีนี้กำหนดขึ้นเพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์และขอขมาต่อพระแม่คงคา บางหลักฐานเชื่อว่าเป็นการบูชารอยพระพุทธบาทที่ริมฝั่งแม่น้ำนัมทามหานที และบางหลักฐานก็ว่าเป็นการบูชาพระอุปคุตอรหันต์หรือพระมหาสาวก สำหรับประเทศไทยประเพณีลอยกระทงได้กำหนดจัดในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณที่ติดกับแม่น้ำ ลำคลอง หรือ แหล่งน้ำต่าง ๆ ซึ่งแต่ละพื้นที่ก็จะมีเอกลักษณ์ที่น่าสนใจแตกต่างกันไป

ในวันลอยกระทง ผู้คนจะพากันทำ "กระทง" จากวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ตบแต่งเป็นรูปคล้ายดอกบัวบาน ปักธูปเทียน และนิยมตัดเล็บ เส้นผม หรือใส่เหรียญกษาปณ์ลงไปในกระทง แล้วนำไปลอยในสายน้ำ (ในพื้นที่ติดทะเล ก็นิยมลอยกระทงริมฝั่งทะเล) เชื่อว่าเป็นการลอยเคราะห์ไป นอกจากนี้ยังเชื่อว่าการลอยกระทง เป็นการบูชาพระแม่คงคาด้วย

ประเพณีในแต่ละท้องถิ่น



  • ภาคเหนือตอนบน นิยมทำโคมลอย เรียกว่า "ลอยโคม" หรือ "ว่าวฮม" หรือ "ว่าวควัน" ทำจากผ้าบางๆ แล้วสุมควันข้างใต้ให้ลอยขึ้นไปในอากาศอย่างบอลลูน ประเพณีของชาวเหนือนี้เรียกว่า "ยี่เป็ง" หมายถึงการทำบุญในวันเพ็ญเดือนยี่(ซึ่งนับวันตามแบบล้านนา ตรงกับวันเพ็ญเดือนสิบสองในแบบไทย)

  • จังหวัดตาก จะลอยกระทงขนาดเล็กทยอยเรียงรายไปเป็นสาย เรียกว่า "กระทงสาย"

  • จังหวัดสุโขทัย ขบวนแห่โคมชักโคมแขวน การเล่นพลุตะไล ไฟพะเนียง

  • ภาคอีสาน จะตบแต่งเรือแล้วประดับไฟ เป็นรูปต่างๆ เรียกว่า "ไหลเรือไฟ"โดยเฉพาะที่จังหวัดนครพนมเพราะมีความงดงามและอลังการที่สุดในภาคอีสาน

  • กรุงเทพมหานคร จะมีงานภูเขาทอง เป็นรูปแบบงานวัด เฉลิมฉลองราว 7-10 วัน ก่อนงานลอยกระทง และจบลงในช่วงหลังวันลอยกระทง

  • ภาคใต้ อย่างที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ก็มีการจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ นอกจากนั้น ในจังหวัดอื่นๆ ก็จะจัดงานวันลอยกระทงด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ในแต่ละท้องถิ่นยังอาจมีประเพณีลอยกระทงที่แตกต่างกันไป และสืบทอดต่อกันเรื่อยมา




 
ทำไมกระทงส่วนใหญ่เป็นรูปดอกบัว

ในหนังสือตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์หรือตำนานนางนพมาศ ซึ่งเป็นพระสนมเอกของพระมหาธรรมราชาลิไทยหรือพระร่วง แห่งกรุงสุโขทัย ได้กล่าวถึงวันเพ็ญเดือนสิบสองว่าเป็นเวลาเสด็จประพาสลำน้ำตามพระราชพิธีในเวลากลางคืน และได้มีรับสั่งให้บรรดาพระสนมนางในทั้งหลายตกแต่งกระทงประดับดอกไม้ธูปเทียนนำไปลอยน้ำหน้าพระที่นั่ง ในคราวนั้นท้าวศรีจุฬาลักษณ์หรือนางนพมาศ พระสนมเอกก็ได้คิดประดิษฐ์กระทงเป็นรูปดอกบัวกมุทขึ้น ด้วยเห็นว่าเป็นดอกบัวพิเศษที่บานในเวลากลางคืนเพียงปีละครั้งในวันดังกล่าว สมควรทำเป็นกระทงแต่งประทีป ลอยไปถวายสักการะรอยพระพุทธบาท ซึ่งเมื่อพระร่วงเจ้าได้ทอดพระเนตรเห็นก็รับสั่งถามถึงความหมาย นางก็ได้ทูลอธิบายจนเป็นที่พอพระราชหฤทัย พระองค์จึงมีพระราชดำรัสว่า “แต่นี้สืบไปเบื้องหน้าโดยลำดับ กษัตริย์ในสยามประเทศถึงกาลกำหนดนักขัตฤกษ์ วันเพ็ญเดือน ๑๒ ให้นำโคมลอยเป็นรูปดอกบัว อุทิศสักการบูชาพระพุทธบาทนัมมทานที ตราบเท่ากัลปาวสาน” ด้วยเหตุนี้ เราจึงเห็นโคมลอยรูปดอกบัวปรากฏมาจนปัจจุบัน


ข้อมูลเพิ่มเติม :




แหล่งที่มา : จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ขอขอบคุณรูปภาพจาก kratauy.wordpress.com, btk.ac.th

วันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2552

แฟชั่น ฮาโลวีน fashion Halloween 2009

กวดวิชา ติวออนไลน์ ตะลุยข้อสอบ โดย เว็บการศึกษาดอทคอม kanzuksa.com



ในคริสต์ศาสนา นิกายคาทอลิกเนี่ย Halloween เป็นคำภาษาอังกฤษ ที่เพี้ยนมาจากคำ All Hallows Eve ซึ่งแปลว่าวันก่อนวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย โดยสมาสและสนธิออกมาอย่างนี้ Hallow + Eve = Halloween คำว่า Hallow ยังสามารถแปลได้ว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผู้ศักดิ์สิทธิ์ นักบุญ ดังนั้นคำว่า All Hallowmas จึงแปลว่า วันสมโภชนักบุญทั้งหลาย แต่ในปัจจุบันใช้คำว่า All Saints Day คู่กับ Christmas ซึ่งแปลว่า วันสมโภชพระคริสต์หรือคริสต์มาสนั่นเอง


วันก่อนวันสมโภชคริสต์มาสมี Chrismas Eve ที่นิยมเรียกว่า คืน (ก่อน) คริสต์มาส วันก่อนวันสมโภชนักบุญทั้งหลายก็มี All Hallowmas Eve ซึ่งต่อมาย่อเป็น Halloween โดยมีงานรื่นเริงและพิธีกรรมทางศาสนาเช่นเดียวกับคืนคริสต์มาส ชาวคาทอลิกพร้อมใจกันเลื่อนพิธีกรรมทางศาสนาไปหลังวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย และเรียกว่า วันวิญญาณในแดนชำระ (All Souls Day) เพื่อให้คู่กับวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย (All Saints Day)



นี่เป็นประวัติส่วนหนึ่ง เพราะยังมีประวัติความเป็นมาอีกฉบับหนึ่งเล่าถึงที่มาที่ไปของวันนี้ว่า เป็นความเชื่อของชาวเซ็ลต์ (Celt) กลุ่มชนพื้นเมืองในประเทศอังกฤษ ที่เชื่อว่าทุกวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี จะเป็นวันที่ประตูนรกถูกเปิดขึ้นมา บรรจบกับมิติโลกมนุษย์กันอย่างพอดี ทำให้เหล่าวิญญาณพยายามหาทางเข้าสิงมนุษย์






ซึ่งวิธีการแก้ไขเพื่อป้องกันไม่ให้วิญญาณเข้าสิงคือ การปลอมตัว ทำตัวเป็นผีเสียเอง ด้วยการตกแต่งต่างๆ นานาให้ดูน่ากลัวที่สุด เทียนและระบบทำความร้อนก็จะถูกดับ เพื่อให้ร่างกายเกิดความหนาวเย็นเปรียบเสมือนร่างกายที่ไร้ซึ่งชีวิต ส่วนบ้านเรือนจะถูกตกแต่งให้ดูน่าสะพรึงกลัว และผู้คนต่างส่งเสียงเพื่อทำการขับไล่เหล่าวิญญาณชั่วร้ายอีกทีหนึ่ง


  • มาดูแฟชั่น ฮาโลวีน






  • แฟชั่นของสุนัข










ขอขอบคุณข้อมูลประวัติ ฮาโลวีน และ รูปภาพประกอบจาก
webboard.yenta4.com  และ online-station.net


วันพุธที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2552

เด็กไทยเจ๋งคว้าที่1นวัตกรรมโลก90ปี

กวดวิชา ติวออนไลน์ ตะลุยข้อสอบ โดย เว็บการศึกษาดอทคอม kanzuksa.com





นิสิตจุฬาไอเดียบรรเจิด สามารถคว้ารางวัล ‘The People’s Choice award’ จากการโหวตสูงสุดจากประชาชนทั่วโลกมากที่สุด ในการประกวดการออกแบบผลิตภัณฑ์ตู้เย็นขนย้ายมวลสารแห่งโลกอนาคต ใน 90 ปีข้างหน้า...


ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 28 ต.ค. ว่า นายดุลยวัต วงศ์นาวา นิสิตชั้นปีที่ 5 คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้ชนะเลิศอันดับ 1 ระดับประเทศ และติดรอบ 8 คนสุดท้าย รวมทั้งเป็นเยาวชนไทยคนแรกที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ ‘The People’s Choice award’ รางวัลที่ได้รับการโหวตสูงสุดจากประชาชนทั่วโลกมากที่สุด ในการประกวดการออกแบบผลิตภัณฑ์ในโครงการ “อีเลคโทรลักซ์ ดีไซน์ แล็บ 2009”การแข่งขันระดับโลก ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ จากแนวคิดการออกแบบ “ตู้เย็นขนย้ายมวลสาร” เพื่อสร้างความสะดวกสบายให้แก่ผู้บริโภคในอนาคต


สำหรับการประกวดโครงการออกแบบผลิตภัณฑ์ระดับโลก อีเลคโทรลักซ์ ดีไซน์แล็บ ประจำปี 2552 อีเลคโทรลักซ์ต้องการให้ประชาชนร่วมเดินทางข้ามเวลาไปสู่ยุค ค.ศ 2099 หรืออีก 90 ปี ข้างหน้า ภายใต้หัวข้อ “นวัตกรรมงานดีไซน์แห่งโลกอนาคต ใน 90 ปีข้างหน้า” นั้นจัดขึ้นเพื่อให้ประชาชนที่มีความคิด มีไอเดียร่วมแสดงความคิดสร้างสรรค์ผลงานดีไซด์ออกมา โดยมองก้าวออกไปในดลกแห่งอนาคตถึง 90 ปี โดยไม่ได้คาดหวังว่าโครงการดังกล่าวที่คิดขึ้นจะสามารถนำไปสร้างได้จริงหรือไม่ก็ตาม




ทั้งนี้ นอกจากรางวัลตู้เย็นขนย้ายมวลสาร ที่ได้รับการโหวตสูงสุด จากเยาวชนไทยคนแรกที่ ในการประกวดการออกแบบผลิตภัณฑ์ในโครงการ “อีเลคโทรลักซ์ ดีไซน์ แล็บ 2009”แล้วยังร่วมด้วยน้องๆ ผู้ชนะในระดับประเทศอีก 2 คน คือนางสาวธนารัตน์ คงสุภาพศิริ นักศึกษาชั้นปีที่ 2 จากสถาบันการออกแบบราฟเฟิล ดีไซด์ เจ้าของผลงานการออกแบบเครื่องแนะนำอาหารเพื่อสุขภาพ และนางสาวมุทิตา ต่อทีฆะ นักศึกษาชั้นปีที่ 4 จากสถาบันเทคโนโลยีเจ้าคุณทหาร ลาดกระบัง เจ้าของผลงานแผ่นควบคุมอุณหภูมิ
 

วันอังคารที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2552

เทศกาลกินเจ 2552 :เปิดตำนานเทศกาลกินเจ กินเจเพื่ออะไร

กวดวิชา ติวออนไลน์ ตะลุยข้อสอบ โดย เว็บการศึกษาดอทคอม kanzuksa.com

อีกไม่กี่วันจะเข้าสู่เทศกาลกินเจ ประจำปี 2552 การศึกษาดอทคอม จึงรวบรวม ข้อมูลเทศกาลกินเจ จากหลากหลายแหล่งข้อมูล มาให้น้องๆได้ นำไปใช้ประโยชน์ และ เป็นการบอกเล่าเรื่องราวของเทศกาลกินเจ "รู้ไว้ใช่ว่า กับการศึกษาดอทคอม"



เทศกาลกินเจ ประจำปี 2552
วันที่ 18-26 ตุลาคม 2552
รับพระคืนวันที่ 17 ตุลาคม 2552
ส่งพระคืนวันที่ 26 ตุลาคม 2552


เทศกาลกินเจเดือนเก้า (เก้าอ๊วงเจ)



ประเพณีการกินเจเดือนเก้า หรือเทศกาลกินเจกำหนดเอาวันตามจันทรคติ คือเริ่มต้นตั้งแต่วันขึ้น 1ค่ำ ถึง 9 ค่ำ ตามปฏิทินจีนทุกๆ ปี รวม 9 วัน 9 คืน
 
ในพระพุทธศาสนาฝ่ามหายานมีอรรถาธิบายว่า " เป็นการประกอบพิธีกรรมเพื่อสักการะบูชาพระพุทธเจ้าในอดีตกาล 7 พระองค์ และพระมหาโพธิสัตว์อีก 2 พระองค์ รวมเป็น 9 พระองค์ด้วยกัน หรืออีกนัยหนึ่งเรียกว่า ดาวนพเคราะห์ทั้ง 9


อันมี พระอาทิตย์ พระจันทร์ ดาวพระอังคาร ดาวพระพุธ ดาวพระพฤหัสบดี ดาวพระศุกร์ ดาวพระเสาร์ ดาวพระราหู ดาวพระเกตุ "
 
ในพิธีกรรมสักการบูชาพระพุทธเจ้า 7 พระองค์และพระมหาโพธิสัตว์อีก 2 พระองค์นี้ สาธุชนในพระพุทธศาสนา ต่างสละเวลาและกิจทางโลกมาบำเพ็ญศีล ตั้งปณิธานกินเจ บริโภคแต่อาหารผลไม้ งดเว้นอาหารเนื้อสดของคาวด้วยการสมาทานรักษาศีล 3 ข้อ กล่าวคือ :-

1 เว้นจากการเอาชีวิตของสัตว์ มาบำรุงชีวิตตน


2 เว้นจากการเอาชีวิตของสัตว์ มาเพิ่มเลือดตน


3 เว้นจากการเอาชีวิตของสัตว์ มาเพิ่มเนื้อตน
 
เพื่อซักฟอกมลทินออกจากร่างกาย วาจา ใจ ต่างสวมเสื้อผ้าสีขาวสะอาดบริสุทธิ์ ปราศจากจุดด่างพร้อย พากันเดินทางสู่วัดวาอารามพร้อมด้วยดอกไม้ ธูปเทียน ไปนมัสการน้อมบูชาแด่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระพุทธเจ้าทั้ง 7 พระองค์อีกทั้งพระมหาโพธิสัตว์ 2 พระองค์ พร้อมจัดหาเครื่องกระดาษ ทำเป็นรูปทรงเสื้อผ้า, หมวก, รองเท้า, กระดาษเงินกระดาษทองต่างๆ ไปน้อมถวายเป็นเครื่องสักการะ เป็นกุศลสมาทาน (แต่ในอดีต จะนำวัตถุสิ่งของ เครื่องปัจจัย 4 ไปถวายนักบวช พระเณร ผู้ทรงศีล และแจกทานด้วยเสื้อผ้าเงินทอง ที่เป็นของจริงๆ แก่คนทุกข์ คนยากจน)

 
 
















โอกาสพิเศษที่ควรทานเจ


  • เทศกาลกินเจ
  • วันคล้ายวันเกิดของตัวเอง
  • วันคล้ายวันเกิดของลูกหลาน
  • วันแต่งงาน
  • วันเลี้ยงเพื่อนฝูงญาติสนิท
  • วันเซ่นไหว้บรรพบุรุษ
  • วันที่ทำบุญสร้างกุศล หรือวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา
  • ช่วงเข้าพรรษา
  • วันขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์
  • วันไว้ทุกข์ให้กับบุคคลที่มีความสำคัญกับเรา
  • ฯลฯ
ข้อมูลเพิ่มเติม :

ทานเจเพื่ออะไร อาหารไหนบ้างเรียกว่า อาหารเจ

งานประเพณี ถือศีลกินผักภูเก็ต วันที่ 18-26 ตุลาคม 2552

เทศกาลกินเจประจำปี 2552 - ชมรมสิงโตและมังกรทอง จังหวัดปัตตานี

ท่องเที่ยว Travel เทศกาลกินเจ กินเจ 2552 กระบี่

งานประเพณีไหว้เจ้า9ศาล เทศกาลกินเจสมุทรสาคร ประจำปี 2552

งานเทศกาลกินเจ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ประจำปี 2552


ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล และรูปประกอบจาก :  tlcthai.com , moph.go.th

วันศุกร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ถวายรางวัล พระเทพฯ นักโภชนาการโลก

กวดวิชา ติวออนไลน์ ตะลุยข้อสอบ โดย เว็บการศึกษาดอทคอม kanzuksa.com

ประธานสหพันธ์โภชนาการนานาชาติ ทูลเกล้าฯถวายรางวัล พิเศษสหพันธ์โภชนาการนานาชาติ แด่สมเด็จพระเทพ ฯ เป็นครั้งแรก ในฐานะทรงอุทิศพระองค์พัฒนาคุณภาพชีวิตผู้ยากไร้

ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นพ.ไกรสิทธิ์ ตันติศิรินทร์ ประธานจัดการประชุมโภชนาการนานาชาติครั้งที่ 19 เปิดเผยว่า ในวันที่ 4-9 ต.ค.นี้ ประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมโภชนาการนานาชาติที่ศูนย์ประชุมไบเทค โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมกว่า 4,000 คนจากทั่วโลก เป็นครั้งแรกที่ไทยได้เป็นเจ้าภาพ และทุกครั้งที่มีการประชุม จะมีการมอบรางวัลสหพันธ์โภชนาการระดับนานาชาติ (International Union of Nutritional Sciences Award) แก่นักโภชนาการที่มีผลงานดีเด่นด้านโภชนาการระดับนานาชาติ ในปีนี้นอกจากจะมี การมอบรางวัลดังกล่าวแล้ว นายริคาโด อะเวย์ ประธานสหพันธ์โภชนาการนานาชาติ จะได้ทูลเกล้าฯถวายรางวัล พิเศษสหพันธ์โภชนาการนานาชาติ แด่สมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นครั้งแรก ในฐานะ ที่ทรงเป็นผู้ทรงอุทิศพระองค์เพื่อพัฒนาโภชนาการและคุณภาพชีวิตของผู้ยากไร้ที่อยู่ในราชอาณาจักร ประเทศเพื่อนบ้านและประเทศที่อยู่ห่างไกลออกไป

ประธานจัดการประชุมโภชนาการนานาชาติกล่าวต่อว่า สมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงแสดงให้เห็นว่าการสร้างความมั่นคงทางโภชนาการ ต้องข้ามพ้นกำแพงทางสังคม วัฒนธรรม และภูมิศาสตร์ ทรงเป็นผู้นำการบุกเบิกอย่างเป็นระบบในการนำอาหาร โภชนาการและการศึกษาเข้าถึงประชาชน ซึ่งมิใช่คนส่วนใหญ่ของสังคม แต่เป็นผู้คนที่มักถูกละเลย พระราชกรณียกิจของสมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เข้าถึงเด็กและครอบครัวจำนวนนับไม่ถ้วนในพื้นที่ห่างไกลทุรกันดาร ที่ประชุมชนถูกละเลย เนื่องจากความแตกต่างทางวัฒนธรรมและศาสนา ทรงช่วยเหลือประชาชนผู้ยากไร้ในประเทศเพื่อนบ้านและประเทศที่อยู่ห่างออกไป ได้แก่ ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว กัมพูชา เวียดนาม สหภาพพม่า และมองโกเลีย แรงบันดาลพระราชหฤทัยที่ทรงได้รับจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทำให้ทรงเชื่อมั่นในการพัฒนาท้องถิ่นอย่างยั่งยืน ด้วยการเพิ่มขีดความสามารถของประชาชนด้านการเกษตรและปศุสัตว์ เพื่อให้คนเหล่านั้นสามารถผลิตอาหารได้ด้วยตนเอง

สมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระราชานุญาตให้คณะกรรมการสหพันธ์โภชนาการนานาชาติ และคณะกรรมการจัดการประชุมเข้าเฝ้าฯทูลเกล้าฯถวายรางวัล ณ ศาลาดุสิดาลัย พระราชวังสวนจิตรลดา วันที่ 2 ต.ค. เวลา 16.30 น.


ที่มา : ไทยรัฐ 2 ต.ค. 2552

Admission 54 วิศวะยอมใช้ O-NET

กวดวิชา ติวออนไลน์ ตะลุยข้อสอบ โดย เว็บการศึกษาดอทคอม kanzuksa.com

Admission 54 วิศวะยอมใช้ O-NET

รศ.ดร.เสริมเกียรติ จอมจันทร์ยอง คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) ในฐานะประธานสภาคณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่กลุ่มวิศวกรรมศาสตร์ ได้เสนอองค์ประกอบและค่าน้ำหนัก ที่จะใช้ในการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษาด้วยระบบกลางการรับนิสิตนักศึกษา หรือAdmission ปีการศึกษา 2554 โดยขอใช้ 3 องค์ประกอบ คือ คะแนนเฉลี่ยสะสมตลอดหลักสูตร ม.ปลาย หรือ GPAX 10% ผลการทดสอบความถนัดทั่วไป หรือ GAT 20% และความถนัดทางวิชาชีพ/วิชาการ หรือ PAT 70% แบ่งเป็น PAT1 ความถนัดทางคณิตศาสตร์ 20% และ PAT3 ความถนัดทางวิศวกรรมศาสตร์ 50% แต่ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ยืนยันให้กลุ่มวิศวกรรมศาสตร์ใช้ 4 องค์ประกอบ คือ GPAX 10% ผลการทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน หรือ O-NET 10 % GAT 20% PAT1 20% และ PAT3 40% นั้น กลุ่มวิศวกรรมศาสตร์คงต้องยอมรับตามที่ ทปอ.กำหนด และจะไม่ขอทบทวน เพราะ ทปอ.คงจะคิดดีแล้ว

รศ.ดร.เสริมเกียรติ กล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตามในปี 2555 กลุ่มวิศวกรรมศาสตร์ จะต้องขอเปลี่ยนองค์ประกอบและค่าน้ำหนักตามที่เสนอไว้ คือ ให้ค่าหนักหนัก PAT 70% และจะไม่ใช้ O-NET โดยระหว่างนี้จะทำวิจัยเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ของเด็กที่ผ่านระบบรับตรงกับรับผ่าน Admission กลาง เพื่อเป็นข้อมูลในการกำหนดองค์ประกอบ และค่าน้ำหนักที่จะใช้ในปี 2555 ซึ่งคาดว่าในเดือนมี.ค. 2553 จะเสนอผลการวิจัยต่อ ทปอ.ได้

เคล็ดลับ 10 ข้อในการจำศัพท์ภาษาอังกฤษ

กวดวิชา ติวออนไลน์ ตะลุยข้อสอบ โดย เว็บการศึกษาดอทคอม kanzuksa.com

เคล็ดลับ 10 ข้อในการจำศัพท์ภาษาอังกฤษ

รู้สึกสมองตื้อทุกครั้งเมื่อนึกถึงการที่ต้องท่องจำศัพท์ภาษาอังกฤษซะมากมายใช่มั้ย? ที่จริงการท่องศัพท์ไม่จำเป็นต้องเป็นงานที่ทำให้ปวดหัวหรือเหนื่อยใจเสมอไปหรอก เชิญอ่านเคล็ดลับในการเรียนศัพท์ดังต่อไปนี้แล้วนำไปใช้รับรองได้ผล !

1.ความเกี่ยวเนื่อง: ถ้าคุณจัดคำศัพท์ออกเป็นหมวดหมู่ขึ้นอยู่กับความเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กันระหว่างศัพท์แล้วเขียนออกมาเป็นแผนผังจะทำให้คุณจำคำศัพท์ได้ง่ายขึ้น

2. เขียน: การนำคำศัพท์นั้นมาใช้จะทำให้คุณจำได้ฝังใจยิ่งขึ้น ลองเขียนแต่งประโยคโดยนำศัพท์ใหม่ที่เรียนนั้นมาประกอบหรือแต่งเรื่องโดยใช้กลุ่มคำศัพท์หรือสำนวนที่เรียนอยู่

3. วาดรูป: ดึงวิญญาณศิลปินในตัวคุณออกมาใช้โดยการวาดรูปที่แสดงถึงศัพท์ที่คุณเรียนอยู่ ภาพที่คุณวาดจะช่วยกระตุ้นความทรงจำถึงศัพท์นั้นในอนาคต

4. แสดง: แสดงท่าทางประกอบคำศัพท์หรือสำนวนที่คุณกำลังเรียนอยู่ หรือจินตนาการว่าคุณจะแสดงออกอย่างไรในสถานการณ์ที่คุณต้องใช้ศัพท์คำนั้น

5. สร้าง: ออกแบบ flashcards ศัพท์ภาษาอังกฤษพร้อมความหมายแล้วเปิดอ่านหรือท่องในยามว่าง ทำเล่มใหม่ขึ้นทุกอาทิตย์และอย่าลืมทบทวนอันเก่าไปพร้อมๆ กันด้วย

6. ความสัมพันธ์: กำหนดแต่ละสีให้แต่ละคำศัพท์ ความสัมพันธ์ของแต่ละคู่จะช่วยให้คุณจำศัพท์นั้นได้แม่นขึ้นเมื่อนึกถึงคำนั้นในคราวต่อไป

7. ฟัง: นึกถึงศัพท์คำอื่นที่ออกเสียงคล้ายๆ กับคำศัพท์ใหม่ที่คุณพยายามเรียนอยู่ ใช้ความสัมพันธ์ตรงจุดนี้ในการช่วยให้คุณจำการออกเสียงของคำใหม่นั้น

8. เลือก: จำไว้ว่าการเรียนในหัวข้อที่คุณชอบหรือสนใจจะทำให้คุณรู้สึกว่ามันง่ายขึ้น ฉะนั้นคุณควรใส่ใจในการเลือกคำศัพท์ที่คุณคิดว่ามีประโยชน์หรือน่าสนใจ เพราะแม้แต่กระบวนการเลือกคำที่จะเรียนก็มีผลให้คุณจำได้แม่นและเร็วขึ้นด้วยเช่นกัน !

9. ข้อจำกัด: คุณก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้หรอกที่คนเราจะจำศัพท์ที่มีอยู่ในดิกชันนารี่ทั้งหมดได้ในวันเดียว เพราะฉะนั้นจำกัดการเรียนศัพท์ใหม่แค่วันละ 15 คำก็พอแล้ว ซึ่งถ้าพยายามจำให้มากคำเกินไปกว่านี้แทนที่มันจะทำให้คุณรู้สึกมั่นใจกลับจะทำให้คุณสมองตื้อแทน

10. สังเกต: พยายามสังเกตหาคำศัพท์ที่คุณกำลังเรียนอยู่เมื่ออ่านหรือฟังภาษาอังกฤษ


ข้อมูลจาก http://englishtown.msn.co.th/

วันศุกร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2552

“รางวัลเจ้าฟ้าไอที รัตนราชสุดา สารสนเทศ” ครั้งที่ 5

กวดวิชา ติวออนไลน์ ตะลุยข้อสอบ โดย เว็บการศึกษาดอทคอม http://www.kanzuksa.com

เชิญนิสิตนักศึกษา บุคคลทั่วไปหรือนิติบุคคลร่วมประกวดโครงการ “รางวัลเจ้าฟ้าไอที รัตนราชสุดา สารสนเทศ” ครั้งที่ 5



มูลนิธิวิจัยเทคโนโลยีสารสนเทศร่วมกับธนาคารไทยพาณิชย์เปิดตัวโครงการประกวด “รางวัลเจ้าฟ้าไอที รัตนราชสุดา สารสนเทศ” ครั้งที่ 5 โดยผู้ชนะจะได้รับโล่พระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี



จรัมพร โชติกเสถียร รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธานมูลนิธิวิจัยเทคโนโลยีสารสนเทศกล่าวว่า “มูลนิธิวิจัยเทคโนโลยีสารสนเทศได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีจัดให้มีการประกวดรางวัลเจ้าฟ้าไอที รัตนราชสุดา สารสนเทศมาอย่างต่อเนื่อง โดยปีพ.ศ.2552 นี้ กำหนดจัดขึ้นเป็น ครั้งที่ 5 เพื่อสนับสนุนงานวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศไทยให้มีความก้าวหน้าทัดเทียมระดับสากล สามารถนำมาพัฒนาเพื่อสร้างประโยชน์ให้กับสังคมและประเทศหรือพัฒนาในเชิงธุรกิจ รวมถึงสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรทางด้านเทคโนโลยีอย่างกว้างขวาง



การแข่งขันแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ประเภทบุคคลทั่วไปหรือนิติบุคคล และประเภทนิสิต นักศึกษา โดยมูลนิธิฯ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี องค์ประธานที่ปรึกษามูลนิธิฯ พระราชทานโล่รางวัลแก่ผู้ชนะทั้ง 2 ประเภท นอกจากนี้ผู้ชนะประเภทบุคคลทั่วไปหรือนิติบุคคลจะได้รับเงินรางวัล 1 ล้านบาท และประเภทนิสิต นักศึกษา จะได้รับเงินรางวัล 100,000 บาท ผลงานที่ส่งเข้าแข่งขันต้องเป็นผลงานวิจัยหรือผลงานเชิงประยุกต์ทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) ของคนไทยและทำขึ้นในประเทศไทย เช่น Software, Application, Network, Communication หรือ Hardware และเป็นผลงานที่นำมาใช้ได้จริง ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศหรือสามารถนำมาพัฒนาเป็นเชิงธุรกิจได้”



ขอเชิญชวนนิสิต นักศึกษา ประชาชนและนิติบุคคลร่วมส่งผลงานวิจัยหรือผลงานเชิงประยุกต์ทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเข้าแข่งขัน “รางวัลเจ้าฟ้าไอที รัตนราชสุดา สารสนเทศ” ครั้งที่ 5 ชิงรางวัลพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี รับสมัครถึง30 กันยายน 2552 นี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ โทร. 0 2544 5533หรือ htttp://www.itprincessaward.com

วันจันทร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2552

พร้อมจัดสอบ V-NET

กวดวิชา ติวออนไลน์ ตะลุยข้อสอบ โดย เว็บการศึกษาดอทคอม kanzuksa.com

พร้อมจัดสอบ V-NET


สทศ.กำหนดจัดสอบการทดสอบวิชาสามัญตามหลักสูตรอาชีวศึกษา ในช่วงเดือน ธ.ค.2552 และจะจัดสอบ 6 วิชา ..

ศ.ดร.อุทุมพร จามรมาน ผอ.สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ เปิดเผยว่า สทศ.กำหนดจัดสอบการทดสอบวิชาสามัญตามหลักสูตรอาชีวศึกษา หรือ Vocational National Education Test หรือ V-NET โดยจัดการทดสอบนักเรียนในหลักสูตรอาชีวศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ทั้งของรัฐและเอกชน โดยสถานศึกษาจะต้องเป็นผู้ส่งรายชื่อนักเรียนให้แก่ สทศ. ในช่วงเดือน ธ.ค.2552 และจะจัดสอบ 6 วิชาได้แก่ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ สังคมศึกษา และสุขศึกษาและพลานามัย โดยกำหนดสอบวันที่ 10 มี.ค.2553 ดังนี้ เวลา 08.30-11.30 น. สอบ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ สังคมศึกษา วิชาละ 1 ชั่วโมง เวลา 13.00-15.30 น. สอบภาษาไทย ภาษาอังกฤษ วิชาละ 1 ชั่วโมง สุขศึกษาและพลศึกษา สอบ 30 นาที.


ข้อมูลจาก :ไทยรัฐออนไลน์

วันอังคารที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2552

นับถอยหลังการสอบ Admission :GAT,PAT ครั้งที่3

กวดวิชา ติวออนไลน์ ตะลุยข้อสอบ โดย เว็บการศึกษาดอทคอม kanzuksa.com

เดือนหน้าก็จะเข้าสู่เทศการการสอบGAT ,PAT ครั้งที่ 3 กันแล้ว น้องๆเตรียมตัวกันไปถึงไหนแล้วเอ่ย
การศึกษาดอทคอม แวะเวียนมาอัพเดท ตารางการสอบให้น้องๆอีกครั้ง อย่านิ่งนอนใจ เหลืออีกเพียงไม่กี่วันแล้ว


  • 11 ก.ค. 52 - 19 ก.ค. 52   สอบ GAT และ PAT ครั้งที่ 2
  • 20 ก.ค. 52 - 10 ส.ค. 52 สมัครสอบ GAT และ PAT ครั้งที่ 3
  • 05 ก.ย. 52  ประกาศสนามสอบ GAT และ PAT ครั้งที่ 3
  • 30 ก.ย. 52 ประกาศผลสอบ GAT และ PAT ครั้งที่ 2
  • 08 ต.ค. 52 - 11 ต.ค. 52 สอบ GAT และ PAT ครั้งที่ 3
  • 20 ก.พ. 53 - 21 ก.พ. 53 สอบ O-NET ประจำปี 2552
  • 10 เม.ย. 53 ประกาศผลสอบ O-NET ประจำปี 2552


Blog ที่เกี่ยวข้อง : เผยวิชารับศึก Admission 2553

เด็กไทยสร้างชื่อ ซิว8รางวัล ฝีมือแรงงานโลก

กวดวิชา ติวออนไลน์ ตะลุยข้อสอบ โดย เว็บการศึกษาดอทคอม kanzuksa.com




เยาวชนไทยคว้ารางวัลจากการแข่งขันฝีมือแรงงานโลก ที่ประเทศแคนาดา ได้ถึง 8 สาขา จากทั้งหมด 15 สาขา ที่เข้าร่วมการแข่งขัน โดยกวาด 2 เหรียญทอง และ 1 เหรียญทองแดง เตรียมกลับถึงไทย 9 ก.ย.นี้..




ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เยาวชนไทยที่เข้าแข่งขันฝีมือแรงงานโลก ครั้งที่ 40 หรือ เวิลด์ สกิลส์ (WORLD SKILLS) ที่เมืองคัลการี ประเทศแคนาดา คว้ารางวัลมาได้ถึง 8 สาขา จากทั้งหมด 15 สาขา ที่เข้าร่วมการแข่งขัน หลังจากมีพิธีปิดการแข่งขันเมื่อเวลา 18.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น



โดย 8 รางวัลที่เยาวชนได้มานั้น มี 2 เหรียญทองจากนายทวีศักดิ์ เอี่ยมพงษ์ สาขาช่างเชื่อม และนายณัฐพล ชัยประเศียร สาขาเครื่องจักรกล และ 1 เหรียญทองแดง จากนายจิรวัฒน์ เตชะเดชาวงศ์ สาขากราฟฟิก ที่เหลืออีก 5 รางวัล เป็นรางวัลประกาศนียบัตรฝีมือยอดเยี่ยม โดยเยาวชนไทยจะเดินทางกลับถึงไทยวันที่ 9 ก.ย.นี้ เวลา 23.00 น.


ข้อมูลจาก : นสพ. ไทยรัฐ

วันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2552

เคล็ดลับเก่งฟิสิกส์ คนเก่งโอลิมปิกเปิดใจ

กวดวิชา ติวออนไลน์ เฉลยข้อสอบ แหล่งความรู้ โดย เว็บการศึกษาดอทคอม


เคล็ดลับเก่งฟิสิกส์ คนเก่งโอลิมปิกเปิดใจ


ปีนี้เวทีแข่งขันระดับชาติที่ประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพและเดินหน้าต่อเนื่อง สร้างชื่อเสียงให้สยามเมืองยิ้มได้เป็นผลสำเร็จ ต้องถือว่าเวทีวิชาการที่โหดหินอย่างฟิสิกส์โอลิมปิกระดับทวีปเอเชีย มีส่วนช่วยเชิดชูเกียรติภูมิบ้านเราและกระชับมิตรภาพกับเพื่อนบ้านได้อย่างอบอุ่นงานหนึ่ง โดยมีหัวกะทิจาก 15 ประเทศเข้าร่วมแข่งขันจำนวน 17 ทีม รวมผู้แข่งขัน 119 คน



การแข่งขันฟิสิกส์โอลิมปิกระดับทวีปเอเชีย ครั้งที่ 10 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 25 เม.ย.-2 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยมูลนิธิส่งเสริมโอลิมปิกวิชาการและพัฒนามาตรฐานทางวิทยาศาสตร์ศึกษาในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ (สอวน.) ร่วมกับสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยา ศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กระทรวงศึกษาธิการ และสมาคมฟิสิกส์ไทย จัดขึ้น ณ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

วันนี้น้องๆ ตัวแทนประเทศไทยส่วนหนึ่งใน 8 คน ร่วมไขข้อข้องใจว่าวิชายากที่ใครๆ ก็บ่นอุบว่า "หิน" อย่างฟิสิกส์นั้น พวกเขามีวิธีอย่างไรถึงได้มีความสุขกับการเรียนวิชานี้

น้องตั้ว นายธนภัทร วรศรัณย์ ชั้นม.6 โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ จ.นครปฐม บอกว่า เป็นคนสนใจวิทยาศาสตร์อยู่แล้ว โดยเฉพาะฟิสิกส์ เพราะเป็นวิชาที่ไม่ต้องท่องจำ และหลักการของฟิสิกส์นำมาใช้อธิบายได้จริงในทุกกรณี นอกจากนี้ สิ่งสำคัญในการเรียนอีกข้อหนึ่งคือ ครูผู้สอน ต้องคำนึงถึงความสนุกสนานในการสอนไปพร้อมๆ กับความรู้ด้วย เพราะจะช่วยสร้างแรงจูงใจให้เด็กๆ อยากเรียนรู้


"ผมเรียนด้วยความรักและมีความสุขในการเรียนวิชานี้ ถ้าเรารักในวิชาใดก็จะเรียนได้ดี ก่อนหน้านี้ผมให้ความสำคัญกับวิชาอื่นๆ 40% ส่วนฟิสิกส์ 60% แต่เดี๋ยวนี้ผมให้เวลากับฟิสิกส์ 100%"

น้องตั้วเผยว่า เขาก็เหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วไปที่ยังเล่นเกม เล่นดนตรี หรือทำกิจกรรมอื่นๆ บ้าง แต่ไม่กระทบต่อการเรียน เพราะสิ่งสำคัญคือต้องรู้จักจัดสรรเวลาให้เป็น


น้องปริ๊นซ์ นายอิสระพงศ์ เอกสินชล ชั้นม.5 โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ จ.นครปฐม เป็นอีกคนที่ย้ำถึงวิธีเรียนที่ดีว่า ควรให้ความสำคัญกับการจัดสรรเวลาในชีวิตให้เหมาะสม ทั้งเรื่องการนอน อาหาร การออกกำลังกาย และการทบทวนบทเรียนสม่ำเสมอ รวมทั้งหาความรู้เพิ่มเติมด้วย


"เรื่องอ่านหนังสือต้องรู้ว่าควรอ่านเล่มใดก่อน-หลัง เช่น หนังสือฟิสิกส์ที่อธิบายด้วยภาษาที่เข้าใจง่ายผมเลือกอ่านเล่มนั้นก่อน หลังจากนั้นค่อยทำความเข้าใจกับเรื่องที่ลึกซึ้งขึ้นไป ไม่ข้ามขั้นตอนครับ"



น้องวี นายวีรภัทร พิทยครรชิต ชั้นม.4 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา บอกว่า ถ้าเราอยากเรียนให้เก่งวิชาใด เราต้องขยันในวิชานั้นๆ ต้องอ่านหนังสือทุกวันเพื่อทบทวน ใช้เวลาอยู่กับมัน ทำความเข้าใจ คิดให้เยอะๆ



"สำหรับผมต้องตั้งเป้าหมายในอนาคตไว้ก่อน เพื่อจะได้มีจุดมุ่งหมายที่จะเรียนรู้ และเป็นการช่วยกระตุ้นให้เราเดินหน้าต่อไป การจะทำอะไรก็ตามถ้าเราทำมันไปวันๆ แบบไม่มีเป้าหมายก็ไม่รู้ว่าจะทำไปทำไม การมีเป้าหมายสำหรับผมจึงสำคัญ"



น้องเกรท นายสรณภพ เทวปฏิคม ชั้นม.6 โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่แม้จะเรียนดีแต่ก็ไม่ทิ้งการเล่นตามวัย ทั้งเล่นดนตรีและกีฬา เผยว่า ถ้าอยากเรียนให้เก่งก็ต้องมีความสุขกับสิ่งที่ทำอยู่ คือถ้าเรารักในสิ่งที่เรากำลังเรียน มันจะทำให้เรามีความพยายาม ตั้งใจ และพร้อมเรียนรู้ด้วยตนเอง



น้องเบน นายธิปก รักอำนวยกิจ ชั้นม.4 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน ให้ทรรศนะว่า บางคนอาจไม่ถนัดเรื่องวิชาการ แต่การเรียนเป็นสิ่งจำเป็นและมีคุณค่าต่อชีวิต เราจึงต้องตั้งใจให้มาก ผมอยากให้ครูสอนวิทยาศาสตร์เน้นให้เด็กคิดเป็น เพราะวิทยาศาสตร์เป็นวิชาที่มีเนื้อหามาก หลายๆ ครั้งจึงกลายเป็นว่าเด็กต้องมาท่องจำเนื้อหา


ถือเป็นเทคนิคการเรียนวิชา "หิน" และสะท้อนมุมคิดระบบการศึกษาไทยที่ไม่ควรมองข้าม


ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก  ข่าวสด ออนไลน์
 คอลัมน์ : ไอคิวทะลุฟ้า



วันพุธที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2552

9มหาลัย'ดังขึ้นทะเบียน มหาวิทยาลัยวิจัยรุ่นแรก

9มหาลัย'ดังขึ้นทะเบียน มหาวิทยาลัยวิจัยรุ่นแรก

ชี้1ปีรักษามาตรฐานไม่ได้ต้องถูกถอด


นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า จากการประชุมคณะกรรมการอำนวยการโครงการพัฒนามหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติ เมื่อวันที่ 24 ส.ค. ที่ประชุมได้พิจารณาและประกาศให้มหาวิทยาลัยที่เข้าหลักเกณฑ์ 9 แห่ง เป็นมหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติเป็นครั้งแรก จากที่เสนอขอมา 15 แห่ง

โดยมีมหาวิทยาลัยที่ได้รับการประกาศชื่อประกอบด้วย

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ม.มหิดล

ม.เกษตรศาสตร์

ม.เชียงใหม่

ม.ธรรมศาสตร์

ม.ขอนแก่น

ม.สงขลานครินทร์

ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

 ม.เทคโนโลยีสุรนารี

ซึ่งหลังจากนี้ทั้ง 9 มหาวิทยาลัย จะต้องจัดทำแผนกลยุทธ์ และแผนปฏิบัติการ ฉบับสมบูรณ์เสนอต่อคณะกรรมการเพื่อพิจารณาจัดงบประมาณสนับสนุน ให้เกิดผลงานวิจัยที่เชื่อมโยงกับภาคอุตสาหกรรม เกษตรกรรม และสังคม ที่สามารถใช้ได้จริง โดยจะมีคณะกรรมการประเมินผลทุก 6 เดือน หากครบ 1 ปีประเมินแล้วไม่มีผลงานตามเกณฑ์ที่กำหนด จะต้องถูกถอดออกจากการเป็นมหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติ



“หลักเกณฑ์ของมหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติ คือ เป็นมหาวิทยาลัยที่ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ 1 ใน 500 ของมหาวิทยาลัยโลกในการจัดอันดับของหนังสือพิมพ์ Times Higher Education หรือหากไม่อยู่ในอันดับดังกล่าวจะต้องมีผลงานการวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์ใน วารสารทางวิชาการไม่ต่ำกว่า 500 เรื่อง ใน 5 ปีล่าสุด มีผลงานวิจัยระดับนานาชาติที่โดดเด่น อย่างน้อย 2 ใน 5 สาขา ของการจัดอันดับ และมีสัดส่วนอาจารย์ที่จบวุฒิปริญญาเอกมากกว่า 40% ของอาจารย์ทั้งหมด” นายจุรินทร์ กล่าว.



จาก เดลินิวส์

วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ข่าวAdmission : ปี 2553 ลดการสอบ GAT-PAT เหลือ 2 ครั้ง

ข่าวAdmission : ปี 2553 ลดการสอบ GAT-PAT เหลือ 2 ครั้ง



 
ศ.นพ.ภิรมย์ กมลรัตนกุล อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) เปิดเผยว่า จากการประชุม ทปอ.เมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบเรื่องขององค์ประกอบในการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษาด้วยระบบกลางการรับนิสิต นักศึกษา หรือ Admission ปีการศึกษา 2554-2555 ตามที่ณะทำงานศึกษาระบบ Admission ของ ทปอ. ที่มี รศ.ดร. มณฑล สงวนเสริมศรี เป็นประธาน เสนอ คือ ให้ใช้ 4 องค์ประกอบหลักตามเดิม คือ คะแนนเฉลี่ยสะสมตลอดหลักสูตร ม.ปลาย หรือ GPAX คะแนนการทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน หรือ O-NET คะแนนการทดสอบความถนัดทั่วไป หรือ GAT และคะแนนการทดสอบความถนัดทางวิชาชีพหรือวิชาการ หรือ PAT ทั้งนี้ในการปรับค่าน้ำหนักของแต่ละกลุ่มสาขาจะต้องมีองค์ประกอบของ GAT และ PAT ไม่น้อยกว่า 10%



ประธาน ทปอ. กล่าวต่อไปว่า นอกจากนั้นที่ประชุมยังมีมติให้ลดจำนวนการสอบ GAT และ PAT ลงเหลือปีละ 2 ครั้ง ตั้งแต่ปี 2553 และจัดสอบให้เฉพาะเด็ก ม.6 เท่านั้น รวมถึง ลดเวลาในการสอบ PAT จากวิชาละ 3 ชั่วโมงให้เหลือวิชาละ 2 ชั่วโมง ส่วน GAT ยังคงให้สอบ 3 ชั่วโมงเหมือนเดิม ทั้งนี้จะเริ่มการจัดสอบให้เฉพาะเด็ก ม.6 เท่านั้นในเดือนมีนาคม และ ตุลาคม 2553 เพื่อนำคะแนนไปใช้ในการแอดมิชชั่นในปีการศึกษา 2554 เป็นต้นไป อย่างไรก็ตามจะมีการนำข้อมูลทั้งหมดขึ้นเว็บไซต์ www.cuas.or.th เพื่อเปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้องต่อไป



ด้าน ศ.ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ฐานะรองประธาน ทปอ. กล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แสดงความห่วงใยและต้องการให้มีการปรับปรุงระบบ Admission รวมถึงกรณีที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) มอบหมายให้สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) เป็นเจ้าภาพระดมความคิดเห็นเกี่ยวกับระบบแอดมิชชั่น ว่า จะไม่ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจ ของทปอ. เพราะข้อสรุปของสกศ. รวมทั้งข้อเสนอแนะต่าง ๆ จะเป็นการปรับปรุงแอดมิชชั่นปี 2556 ที่หากจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรก็ต้องแจ้งนักเรียนล่วงหน้าอย่างน้อย 3 ปีแน่นอน


ข้อมูล : เดลินิวส์ออนไลน์
 

ข้อมูลเพิ่มเติม :

วันอังคารที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2552

เคล็ดวิชารับศึก Admission 2553

การสอบAdmission




เคล็ดวิชารับศึก Admission 2553

เพื่อเตรียมพร้อมสู่การเป็นนิสิต/นักศึกษาในระดับอุดมศึกษา ซึ่งแต่ละคนต้องผ่านด่านการสอบแข่งขันที่แสนโหด บางคนฝึกวิทยายุทธ์ กำลังสมองเตรียมพร้อมลงสนามมาอย่างเต็มที่ แต่บางคนยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเริ่มต้น และเตรียมตัวอย่างไรกับการสอบที่กำลังจะมาถึงในปีหน้านี้

การศึกษาดอทคอม มุ่งเน้นให้น้องๆที่กำลังเตรียมตัวสอบ Admission เข้าสู่รั่วมหาลัยในปีหน้านี้ เริ่มเตรียมตัวก่อนใคร มุ่งมั่นสู่คณะที่หวังแต่อย่างเครียดกับการสอบมากเกินไป ทางการศึกษาดอทคอมจึงได้รวม แนวคิดดีๆจากน้องๆที่ประสบความสำเร็จ นำมาสรุปให้ในบทความนี้ ลองดูกันว่าแต่ละคนจะมีเคล็ดลับอะไรมาฝากกันบ้าง




วันนี้มีรุ่นพี่คนเก่งที่ผ่านสนามสอบคัดเลือกระบบแอดมิชชัน 51 และทำคะแนนสูงสุดติดอันดับประเทศ และสูงสุดของแต่ละคณะ มาเผยไม้เด็ด เคล็ดลับการเรียนกัน และนอกจากนี้ ยังมีผู้ใหญ่ใจดีมาอธิบายสัดส่วนการสอบแอดมิชชัน ปี 53 ให้กระจ่างชัดอย่างเข้าใจ และเตรียมพร้อมอย่างถูกทาง รวมถึงนักจิตวิทยาแนะแนว ที่จะให้คำแนะนำในการเตรียมความพร้อมก่อนสอบแอดมิชชันปีหน้านี้ด้วย

** ตั้งใจเรียนในชั้น มุ่งมั่นแต่ไม่กดดัน **

ถ้าพร้อมกันแล้ว...มาพบกับว่าที่นักเขียน/นักแปลอนาคตไกลอย่าง น.ส.กัญญานันท์ สังข์หล่อ หรือ กุ๋งกิ๋ง นิสิตปี 1 อักษรศาสตร์ จุฬาฯ อดีตนักเรียนโรงเรียนราชินีบน ผู้ทำคะแนนได้เป็นอันดับ 2 ของประเทศ และ อันดับ 1 คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ ด้วยคะแนน 91.04%

กุ๋งกิ๋ง เปิดเผยว่า เธอเตรียมตัวสอบ และเลือกคณะมาตั้งแต่ ม.4 มีความสนใจด้านภาษาเป็นพิเศษ เพราะสนุก และมีประโยชน์ต่อการติดต่อสื่อสาร จึงมุ่งมั่นทบทวนตำราเรียนอย่างสม่ำเสมอ เริ่มจากตั้งใจเรียนกับอาจารย์ในห้อง จับประเด็น ถ้าไม่เข้าใจให้ถามครูทันที เวลาอ่านหนังสือจะอ่านอย่างมีสมาธิ หลังอ่านจบแต่ละบท จะทบทวนอีกรอบ โดยพยายามจำ และนึกเนื้อหาออกเป็นภาพ เพื่อให้จำได้มากขึ้น เวลาว่างจะฟังเพลงคลายเครียด และเลือกเรียนพิเศษบ้างบางวิชา เพื่อเพิ่มความมั่นใจ และเทคนิคการสอบ แต่จะไม่ทิ้งการเรียนในห้องเด็ดขาด เพราะการสอบแอดมิชชันจะเน้นเนื้อหาจากตำราในห้องเรียนเป็นสำคัญ

อย่างไรก็ตาม กุ๋งกิ๋ง ยังฝากด้วยว่า การเตรียมตัวระยะยาวเป็นสิ่งสำคัญ อย่ารอให้ถึงช่วงสอบ แล้วมานั่งอ่าน และติวหนังสือ เพราะจะสร้างความกดดัน และเกิดความเครียด จนทำให้อ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง ส่งผลต่อการทำข้อสอบในที่สุด และ สิ่งสำคัญคือ การวางแผนชีวิต และค้นหาตัวตนอย่างเป็นระบบไว้ล่วงหน้า จะเป็นตัวสร้างธงให้เรา ถ้าเรามีธง ความมุ่งมั่น และตั้งใจจะเต็มร้อย ดังนั้น ต้องเลือกคณะในใจไว้ก่อน ว่าอยากเรียนอะไร มีความชอบด้านไหนมากเป็นพิเศษ รวมถึงต้องมีข้อมูลเกี่ยวกับคณะที่เลือกให้มากที่สุด เพราะสิ่งที่เราเลือก คือครึ่งทางเดิน ที่เราเลือกให้ชีวิตในอนาคต“การติดตามข่าวเป็นเรื่องสำคัญ อย่าฝากความหวังไว้กับอาจารย์แนะแนวของโรงเรียนเพียงอย่างเดียว แต่ต้องตามข่าวด้วยตัวเอง เพราะจะได้รู้ และเข้าใจระบบแอดมิชชัน ว่า ขณะนี้เคลื่อนไหวไปถึงไหนแล้ว เพื่อจะไม่เสียเปรียบในภายหลัง และอยากจะบอกน้องๆ ทุกคนว่า จงทำ 24 ชั่วโมงของเราให้คุ้มค่าที่สุด อย่าปล่อยเวลาให้เสียไปกับความว่างเปล่า” กุ๋งกิ๋ง ฝากทิ้งท้าย



** จัดระบบความคิด ไม่ติดการท่องจำ **



สอดรับกับ นายวีกิจ เจริญสุข หรือ “ไอซ์” อดีตนักเรียนโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ผู้ทำคะแนนได้เป็นอันดับ 3 ของประเทศและอันดับ 1 คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ด้วยคะแนน 89.72% ที่เผยเคล็ดว่า อย่าไปคร่ำเครียดกับการอ่านหนังสือมากเกินไป เพราะความเครียดจะช่วยลดทอนความจำในระดับหนึ่ง การจะลดความกังวลได้นั้น ต้องเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี ไม่ใช่มาเตรียมเอาตอนใกล้สอบ ฉะนั้น ต้องหาตัวเองให้เจอว่าชอบเรียนอะไรมากที่สุด ตอบคำถามตัวเองให้ได้ว่าจะเรียนเพื่ออะไร ทำอะไร? จากนั้นเล็งคณะที่เหมาะสม จากคะแนนที่เรามี และความสะดวกในการเดินทาง ที่สำคัญต้องอ่านหนังสืออย่างมีสมาธิ มีอารมณ์ร่วมในการอ่าน รวมทั้งต้องควบคุม หรือจัดเวลาการอ่านอย่างเหมาะ
“ผมจะไม่เรียนแบบจำ แต่จะเน้นการวิเคราะห์ เชื่อมโยงความเป็นเหตุ และผลของเหตุการณ์ หรือเนื้อหามากกว่า เรียกว่า การจัดระบบความคิดอย่างเป็นระบบ เช่น การปฏิรูปการศึกษาของรัชกาลที่ 5 มีปัจจัยจำเป็นอะไรบ้าง คือทุกอย่าง เราต้องรู้ที่มาที่ไป และวิเคราะห์ย้อนกลับให้ได้ว่าเพราะอะไรถึงเป็นเช่นนั้น นอกจากนี้การอ่านต้องนึกภาพตาม สนุกกับมัน จะทำให้เราเข้าใจมากขึ้น” น้องไอซ์เผยไม้เด็ด

** สำรวจความชอบตัวเองเล็งเป้าหมายให้ชีวิต **

ขณะที่ รองศาสตราจารย์ ดร.คมเพชร ฉัตรศุภกุล นักวิชาการอิสระ (นักจิตวิทยาและการแนะแนว) ให้คำแนะนำว่า การเรียนคือการเตรียมตัว และเตรียมความพร้อมระยะยาว เพื่อการสร้างงานในอนาคต แต่ปัจจุบันเด็กเรียนเพื่อเก่ง เรียนเพื่อหวังคะแนน ไม่หวังเพื่อสร้างตัวเอง และการประกอบชีพ ทำให้เด็กคิด และทำอะไรไม่เป็น ดังนั้นจึงต้องเข้าใจสติปัญญาของตัวเอง และดูให้ออกว่า เราเหมาะกับการเรียนแบบไหน ค้นหาตัวเองให้พบก่อนที่จะเลือกคณะ หรือสาขาวิชา
นอกจากนี้ยังบอกด้วยว่า ผู้เรียนต้องสำรวจพฤติกรรมของตัวเองว่าชอบอะไรมากที่สุดในโลก เพราะถ้าเรียนแล้วไม่ชอบ จะส่งผลให้ตามหลังเพื่อน และคู่แข่งในวิชาชีพ ด้านความสนใจ เป็นองค์ประกอบทางจิตวิทยาที่สำคัญ ให้ดูว่ามีจิตใจจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้นานหรือไม่ ทั้งหมดคือการเตรียมตัวที่เด็ก และพ่อแม่ต้องสำรวจอยู่ตลอดเวลา เพื่อความเชื่อมั่น ศรัทธาในสาขาวิชาที่เลือกต่อไป
"เด็กไทยไม่รู้จักตัวเอง และไม่รู้ว่าจะเรียนไปทำไม ยังเป็นปัญหาสังคมที่ต้องเร่งเสริมความบกพร่องดังกล่าว อาจเป็นเพราะการเรียนขาดการเชื่อมโยงระหว่างวิชา กับชีวิต ขาดการเรียนรู้กับธรรมชาติ เพราะการไม่รู้จักตัวตน ทำให้ไร้ธงของชีวิตที่แน่ชัด อาจหลงทาง และเดินทางผิดได้ ดังนั้น จึงต้องร่วมด้วยช่วยกัน เพราะเด็กคืออนาคตของชาติ" นักจิตวิทยาและการแนะแนวเล่า
อย่างไรก็ตาม ดร.คมเพชร ยังบอกด้วยว่า การเตรียมตัวระยะสั้นไม่ช่วยให้เกิดประโยชน์ เพราะเป็นการอัด และเรียนรู้แบบเคร่งเครียด เรียนลัดเพื่อใช้สอบ ไม่ใช่ความรู้ และความเข้าใจที่แท้จริง การสอบคือการเตรียมตัวระยะยาวที่ต้องสะสมองค์ความรู้มาตั้งแต่เกิด ที่สำคัญต้องอย่าลืมการสอดแทรกคุณธรรม และจริยธรรมให้แก่เด็ก และลูก เพราะการที่เก่ง แต่ไร้คุณธรรม และความดีงาม ไม่ใช่คนเก่งที่สมบูรณ์






** เตรียมพร้อมองค์ประกอบ **** แอดมิชชัน **



เมื่อเข้าใจแนวทางการเรียน และการสอบจากรุ่นพี่ และนักจิตวิทยาแนะแนวดังกล่าวแล้ว ผู้เข้าสอบต้องเข้าใจสัดส่วนคะแนนระบบแอดมิชชันด้วย ศ.ดร.อุทุมพร จามรมาน ผู้อำนวยการสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) ได้อธิบายถึงสัดส่วนคะแนนการสอบแอดมิชชันปี 2553
แอดมิชชันปี 2553 (Admission 53) (สำหรับนักเรียนชั้น ม.5) องค์ประกอบ และค่าน้ำหนักคะแนนจะประกอบด้วย จีพีเอเอ็กซ์ 20%, O-NET 30% นอกจากนี้ยังมีการสอบ GAT 10-50% เช่น ความสามารถในการอ่าน เขียน คิดวิเคราะห์ แก้โจทย์ปัญหา รวมถึงการสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ สอบ 3 ชั่วโมง คะแนนเต็ม 300 คะแนน และ PAT 0-40% รวมทั้งสิ้น 100 % เพิ่มเติมอีกด้วย
สำหรับการสอบ PAT นั้น จะประกอบด้วย PAT 1 ความถนัดทางคณิตศาสตร์ PAT 2 ความถนัดทางวิทยาศาสตร์ PAT 3 ความถนัดทางวิศวกรรมศาสตร์ PAT 4 ความถนัดทางสถาปัตยกรรมศาสตร์ PAT 5 ความถนัดทางวิชาชีพครู PAT 6 ความถนัดทางศิลปกรรมศาสตร์ (ทัศนศิลป์,ดนตรี,นาฏศิลป์) PAT 7 ความถนัดทางภาษาต่างประเทศ (ฝรั่งเศสเยอรมัน ญี่ปุ่น จีน บาลี และอาหรับ) สอบ3 ชั่วโมงคะแนนเต็ม 300 คะแนน ข้อสอบปรนัย และอัตนัย (ที่ตอบแบบปรนัย)อย่างไรก็ตาม การสมัครสอบ จะสมัครปีละ 1 ครั้ง และสอบ 3 ครั้ง



"นักเรียนไม่จำเป็นต้องสมัครสอบทุกครั้ง และไม่จำเป็นต้องสมัครสอบทุก PAT ควรสมัครเฉพาะ PAT ที่เกี่ยวข้องกับคณะ หรือสาขาวิชาที่ต้องการ ส่วนคะแนนของ GAT/PAT สามารถเก็บไว้ได้ 2 ปี โดยจะเก็บเป็นรายวิชา นอกจากนี้ ทางเราได้เตรียมพร้อมสนามสอบไว้เกือบ 300 แห่ง เพื่อสะดวกในการเดินทางมาสอบ และแนวข้อสอบทั้ง 3 ครั้ง จะใช้รูปแบบเดียวกัน ซึ่งนักเรียนไม่ต้องกังวล" ผอ.สทศ.กล่าว



อย่างไรก็ตาม ทาง สทศ.ได้เปิดให้บริการ Call Center 02-975-5599 เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ครู นักเรียน และผู้ปกครอง ที่ต้องการสอบถามข้อมูล หรือสงสัยเกี่ยวกับการสอบ O-Net และการสอบ GAT/PAT โดยเปิดให้บริการทุกวัน (จันทร์-อาทิตย์) เวลา 07.00-19.00 น. ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป หรือเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่
www.niets.or.th หรือสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา www.cuas.or.th
ขอขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก: ASTVผู้จัดการออนไลน์ / www.niets.or.th



ข้อมูล Admissionเพิ่มเติม :

ระบบAdmission ปี 2553 กับ การสอบ GATและ PAT









สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) กำหนดจัดสอบ GAT (General Aptitude Test) และ PAT (Professional Aptitude Test) จำนวน 3 PAT คือ PAT 1, PAT 2 และ PAT 3 ให้กับนักเรียนที่กำลังเรียนชั้น ม.5 ขึ้นไป


การสอบ GAT และ PAT ครั้งที่ 1

ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ได้กำหนดองค์ประกอบและค่าน้ำหนักในการคัดเลือกเข้าศึกษาต่อในสถานศึกษาระดับอุดมศึกษาด้วยระบบกลางหรือแอดมิชชั่นส์ ปี 2553 ซึ่งประกอบด้วย

1. คะแนนเฉลี่ยสะสม ม.ปลาย (GPAX) 20%

2. คะแนนแบบทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) 30%

3. คะแนนแบบทดสอบความถนัดทั่วไป (GAT) 10-50%

4. คะแนนแบบทดสอบความถนัดทางวิชาชีพหรือวิชาการ (PAT) 0-40%

และได้กำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับ GAT และ PAT พร้อมค่าน้ำหนักในแต่ละกลุ่มสาขาวิชา ดังนี้




มารู้จัก GAT

รายละเอียดเกี่ยวกับ GAT


1. ด้านที่วัด - การอ่านเชิงวิเคราะห์ การเขียนเชิงวิเคราะห์ การคิดเชิงวิเคราะห์ และการแก้โจทย์ปัญหา 50%- การสื่อสารทางภาษาอังกฤษ 50%

2. ลักษณะข้อสอบ - ข้อสอบปรนัยและอัตนัย คะแนนเต็ม 300 คะแนน- ใช้เวลาสอบ 3 ชั่วโมง

3. ผู้เข้าสอบ - เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ขึ้นไป นักเรียนต้องสมัครสอบด้วยตนเอง

4. การจัดสอบ - ปีละ 3 ครั้ง ประมาณเดือนมกราคม พฤษภาคม ธันวาคม


(กำหนดเวลาอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม)

- คะแนนของการสอบแต่ละครั้งมีอายุความ 2 ปี





มารู้จัก PAT

รายละเอียดเกี่ยวกับ PAT

1. ด้านที่วัด- เป็นการวัดเนื้อหาที่จะเป็นพื้นฐานของการเรียนต่อร่วมกันการวัดศักยภาพในแต่ละวิชาชีพ
มีทั้งสิ้น 7 PAT ดังนี้

PAT 1 วัดศักยภาพทางคณิตศาสตร์

1.1 เนื้อหาที่เป็นพื้นฐานการเรียนต่อ เช่น Algebra, Probability and Statistics, Conversion, Geometry, Trigonometry, Calculus ฯลฯ
1.2 ศักยภาพ Perceptual Ability, Calculation skills, Quantitative Reasoning, Math Reading Skills


PAT 2 วัดศักยภาพทางวิทยาศาสตร์

2.1 เนื้อหาที่จะเป็นพื้นฐานการเรียนต่อ เช่น ชีววิทยา เคมี ฟิสิกส์ Earth Sciences, Environment, ICT ฯลฯ2.2 ศักยภาพ เช่น Perceptual Ability, Calculation skills, Sciences Reading Ability, Science Problem Solving Ability ฯลฯ


PAT 3 วัดศักยภาพทางวิศวกรรมศาสตร์

3.1 เนื้อหาที่จะเป็นพื้นฐานการเรียนต่อ เช่น Engineering Mathematics, Engineering Sciences, Life Sciences, IT ฯลฯ
3.2 ศักยภาพ Space Relations, Multidimensional, Perceptual Ability, Calculation Skills,Engineering Reading Ability, Engineering Problem Solving Ability

PAT 4 วัดศักยภาพทางสถาปัตยกรรมศาสตร์

4.1 เนื้อหาที่เป็นพื้นฐานการเรียนต่อ เช่น Architectural Math and Science
4.2 ศักยภาพ Space Relations, Multidimensional, Perceptual Ability, Architectural Problem Solving Ability ฯลฯ


PAT 5 วัดศักยภาพทางครุศาสตร์ / ศึกษาศาสตร์

5.1 เนื้อหาที่เป็นพื้นฐานการเรียนต่อ เช่นความรู้ในเนื้อหาภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคมวิทยา มานุษยวิทยา สุขศึกษา ศิลปะ สิ่งแวดล้อม ฯลฯ
5.2 ศักยภาพ ครุศึกษา (Pedagogy) ทักษะการอ่าน (Reading Skills) ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับการศึกษาของประเทศไทย, การแก้ปัญหาที่เกิดจากนักเรียน ครู ผู้บริหารโรงเรียน ฯลฯ

PAT 6 วัดศักยภาพทางศิลปกรรมศาสตร์

6.1 เนื้อหาที่เป็นพื้นฐานการเรียนต่อ เช่น - ทฤษฎีศิลปะ (ทัศนศิลป์ ดนตรี นาฏศิลป์) - ความรู้ทั่วไปทางศิลป์
6.2 ศักยภาพ ความคิดสร้างสรรค์ ฯลฯ

PAT 7 วัดศักยภาพทางภาษาต่างประเทศที่ 2
(ฝรั่งเศส เยอรมัน ญี่ปุ่น จีน บาลี และอาหรับ)

7.1 เนื้อหาที่จะเป็นพื้นฐานการเรียนต่อ เช่น Grammar, Vocabulary Culture, Pronunciation Functions
7.2 ศักยภาพ Paraphasing, Summarizing Applying Concepts and Principles, Problem Solving skills, Critical Thinking skills, Questioning skills, Analytical skills


2. ลักษณะข้อสอบ
- ข้อสอบปรนัยและอัตนัย คะแนนเต็ม 300 คะแนน- ใช้เวลาสอบ 3 ชั่วโมง

3. ผู้เข้าสอบ
- เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ขึ้นไป นักเรียนต้องสมัครสอบด้วยตนเอง

4. การจัดสอบ
- ปีละ 3 ครั้ง ประมาณเดือนมกราคม พฤษภาคม ธันวาคม- นักเรียนจะสมัครสอบกี่ครั้งก็ได้ เลือกใช้คะแนนที่ดีที่สุด

- คะแนนของการสอบแต่ละครั้งมีอายุความ 2 ปี (นับจากวันสอบ)



ถ้าอยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติม สอบถามได้ที่ สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน) สถานที่ติดต่อ : เลขที่ 128 อาคารพญาไทพลาซ่า ชั้น 36 แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400 โทรศัพท์ : 0-2219-2991-5 โทรสาร : 0-2219-2996 Call Center : 02-975-5599 อีเมล์ : webmaster@niets.or.th เว็บไซต์ : http://www.niets.or.th/

ที่มา : eduzones / Niets.or.th




แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม :



มาทำความรู้จักเว็บการศึกษาดอทคอม

กวดวิชา,กวดวิชาออนไลน์







ยินดีต้อนรับสู่การศึกษาดอทคอม

อินเทอร์เน็ตมีทั้งความรู้และพิษภัยขึ้นอยู่กับคนที่เลือกใช้มัน ปัจจุบันนี้มีสาระความรู้ที่รอให้เยาวชนได้เข้าไปเก็บเกี่ยวในโลกไซเบอร์มีมากขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดมีคนกลุ่มหนึ่งสร้างเว็บไซต์ที่ชื่อ“การศึกษาดอทคอม” ขึ้นมาเพื่อให้เยาวชนและผู้สนใจได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์



http://www.kanzuksa.com เป็นเว็บไซต์เรียนออนไลน์น้องใหม่ มีทั้งเรียนพื้นฐาน และเรียนกวดวิชา ภายในเว็บได้รวบรวมหลักสูตรการเรียนการสอน ตั้งแต่ระดับประถมศึกษา จนถึงระดับมัธยมศึกษาปลาย และหลักสูตรวิชาชีพ ไว้ให้ได้เข้าไปอ่านตำรา ชมคลิปวีดีโอสื่อการสอน และข้อสอบประเมินวัดผล พร้อมเฉลยข้อสอบอย่างละเอียด เพื่อให้เข้าใจอย่างแท้จริง รวมทั้งเป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลสำคัญ ๆ ด้านการศึกษาอีกด้วย ผู้สนใจสามารถ

คลิก เข้าไปสมัครเป็นสมาชิกฟรี ทดลองเรียนฟร


เว็บไซต์นี้จะช่วยให้น้องๆ ได้เข้าถึงสื่อการเรียนการสอนที่มากทั้งคุณภาพและปริมาณ จะช่วยให้น้องๆประหยัดเวลา ประหยัดค่าใช้จ่าย และที่สำคัญปลอดภัยเมื่อได้เรียนอยู่ที่บ้าน เรามาดูกันครับ ว่าเว็บการศึกษาดอทคอมมีอะไรบ้าง เริ่มจากหน้าแรก เราก็มีเนื้อหามากมาย ที่จะให้น้องๆเข้ามาอ่าน และสามารถนำข้อมูลไปทำรายงานได้



มีอะไรในการศึกษา



ในส่วนของ

ลิ้งค์ดีๆ จะมีลิ้งข้อมูลต่าง น้องๆสามารถศึกษาและนำไปทำรายงาน
ข้อมูลเกี่ยวกับ
แอดมิชชั่น (Admission ,A-Net ,O-Net) ทุกแง่มุม
สรุป
Short Note ของแต่ละวิชา เพื่อนำไปใช้สอบ
Movie Chit-Chat ไว้ฝึกภาษาอังกฤษจากเพลงและหนัง
สาระน่ารู้ บทความดีๆ ความรู้รอบตัวที่ควรแก่การอ่าน
การศึกษาอัพเกรด รวบรวมข้อมูลการศึกษาต่อต่างประเทศ
ช่องทางประชาสัมพันธ์ ต่างๆ เช่น
ข่าวสารทางด้านการศึกษา, ประชาสัมพันธ์กิจกรรมต่างๆ ของสถาบันการศึกษาทั่วประเทศ, ประกาศรับตรงของมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ, ประชาสัมพันธ์ทุนการศึกษาดีๆทั้งในประเทศ และต่างประเทศ, อื่นๆอีกมากมาย
แต่ถ้าเป็นสมาชิกเว็บเรา ซึ่งการเป็นสมาชิกก็ไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด
และยังจะสามารถใช้บริการพิเศษเพิ่มขึ้นได้อีก เช่น
สมุดบันทึก ไว้เขียนบันทึกเรื่องส่วนตัวรายวัน
สมุดบัญชี ไว้ฝึกทำบัญชีรายรับรายจ่ายส่วนตัว
แจ้งเตือน ไว้ค่อยเตือนเราในวันสำคัญๆไม่ให้เราลืม
ลิ้งค์ ไว้เก็บลิ้งค์สำคัญๆที่เราพบเจอ และต้องการจะเข้าอีกในครั้งต่อไป
อื่นๆอีกมากมาย

ทั้งหมดที่กล่าวมานั้นสามารถใช้ได้ฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด